ความรู้และคำแนะนำลูกค้า

ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเครื่องปรับอากาศ (Air Conditioner Basics)

เครื่องปรับอากาศ (Air Conditioner) ที่ใช้ในบ้านทั่วไปมักมีขนาดการทำความเย็นระหว่าง 9,000–30,000 BTU/ชั่วโมง หรือประมาณ 0.75–2.5 ตันความเย็น โดย 1 ตันความเย็นเท่ากับ 12,000 BTU/ชม.

ประเภทของเครื่องปรับอากาศ

เครื่องปรับอากาศที่นิยมใช้ในบ้านคือแบบ แยกส่วน (Split Type) แบ่งเป็น 2 ส่วนหลัก:

  • Fancoil Unit (คอยล์เย็น) — อยู่ภายในห้อง ทำหน้าที่ส่งลมเย็น ประกอบด้วยพัดลม แผ่นกรองอากาศ และหน้ากากกระจายลม
  • Condensing Unit (คอยล์ร้อน) — อยู่ภายนอกห้อง ทำหน้าที่ระบายความร้อนออกสู่ภายนอก ประกอบด้วยคอมเพรสเซอร์และพัดลมระบายความร้อน

หลักการคำนวณขนาด BTU

หน่วย BTU (British Thermal Unit) คือหน่วยวัดพลังงานความร้อน โดย 1 BTU คือปริมาณความร้อนที่ทำให้น้ำ 1 ปอนด์มีอุณหภูมิเพิ่มขึ้น 1 องศาฟาเรนไฮต์

สูตรคำนวณขนาด BTU ของเครื่องปรับอากาศ:

BTU = พื้นที่ห้อง (กว้าง × ยาว) × ตัวแปรความร้อน
  • 700 = ห้องใช้กลางคืน ความร้อนน้อย
  • 800 = ห้องใช้กลางวัน มีความร้อนมาก
  • เพดานสูงกว่า 2.5 เมตร ให้บวกเพิ่ม 5%

เลือก BTU ให้เหมาะสม

  • BTU สูงเกินไป: คอมเพรสเซอร์ตัดบ่อย ความชื้นสูง สิ้นเปลืองไฟ
  • BTU ต่ำเกินไป: คอมเพรสเซอร์ทำงานตลอดเวลา เย็นไม่ทั่วห้อง เครื่องพังเร็ว

เลือกเครื่องปรับอากาศประสิทธิภาพสูง

  • ตรวจสอบ ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 เพื่อดูค่าใช้ไฟต่อปี
  • เลือกเครื่องที่มีค่า EER ≥ 10.6 (Energy Efficiency Ratio)
  • ค่า EER ยิ่งสูง = ยิ่งประหยัดพลังงาน

องค์ประกอบและหลักการทำงานของเครื่องปรับอากาศ

เครื่องปรับอากาศทำงานด้วยหลักการ ระบบอัดไอ (Vapor-Compression Cycle) โดยมีส่วนประกอบหลัก 4 ส่วน:

  1. Evaporator (คอยล์เย็น): ดูดซับความร้อนจากอากาศภายในห้อง
  2. Compressor (คอมเพรสเซอร์): อัดสารทำความเย็นให้เป็นไอแรงดันสูง
  3. Condenser (คอยล์ร้อน): ระบายความร้อนออกสู่อากาศภายนอก
  4. Capillary Tube (ท่อรูเข็ม): ลดแรงดันของน้ำยาเพื่อให้พร้อมรับความร้อนอีกครั้ง

กระบวนการนี้หมุนเวียนต่อเนื่อง เพื่อรักษาอุณหภูมิภายในห้องให้คงที่ตามที่ตั้งไว้

สรุปง่าย ๆ: น้ำยาแอร์ทำหน้าที่ดูดความร้อนจากภายในห้อง แล้วส่งออกไปภายนอก ผ่านระบบคอยล์และคอมเพรสเซอร์อย่างต่อเนื่อง

การรั่วของน้ำยาแอร์

ระบบแอร์ถูกออกแบบให้เป็น “ระบบปิด” แต่ในความเป็นจริงสามารถเกิดการรั่วซึมได้จากหลายสาเหตุ เช่น:

  • ท่อทองแดงเกิดสนิมจากความชื้นและอายุการใช้งาน
  • ใช้ท่อบางกว่ามาตรฐานหรือท่อไม่ได้คุณภาพ
  • การดัดท่อหรือเก็บงานไม่ถูกวิธี
  • ยางโอริงเสื่อมสภาพจากอุณหภูมิและแรงดัน
  • จุดเชื่อมต่อ (แฟร์นัท) มีรูพรุนหรือรอยรั่วเล็ก ๆ
  • หรือในบางกรณี — “โดนวางยา” จากการล้างแอร์โดยผู้ไม่หวังดี

หมายเหตุ: สนิมที่เกิดขึ้นในท่อแอร์เป็นปฏิกิริยาเคมีชนิด Oxidation–Reduction (Redox)


น้ำทิ้งของแอร์ (Condensate Drain)

เครื่องปรับอากาศจะดูดอากาศชื้นจากภายในห้อง เมื่ออากาศสัมผัสกับคอยล์เย็นจะเกิดการกลั่นตัวของไอน้ำเป็นหยดน้ำ (Condensate) ซึ่งจะถูกรองรับในถาดน้ำทิ้งและระบายออกผ่านท่อที่เรียกว่า Condensate Drain

  • ควรเดินท่อน้ำทิ้งให้มีความลาดเอียง เพื่อระบายน้ำได้สะดวก
  • ควรมี คอห่าน (Trap) ป้องกันการดูดลมย้อนจากภายนอกเข้าห้อง
  • หากติดตั้งไม่ถูกวิธี อาจเกิดน้ำรั่วซึมหรือหยดภายในห้องได้

“รู้จักระบบแอร์ดี ช่วยประหยัดไฟ และยืดอายุการใช้งานได้ยาวนานขึ้น”


เผยแพร่โดย PAA Air Service | ช่างแอร์มืออาชีพ สมุทรปราการ บางนา บางพลี

บริการของเรา

Visitors: 150,303